วัคซีนในผู้สูงอายุ ที่จำเป็นต้องฉีดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

เมื่ออายุเริ่มมากขึ้นร่างกายก็เริ่มถดถอยลง ภูมิต้านทานต่ำลง ดังนั้นการตรวจสุขภาพประจำปีและการได้รับวัคซีนในผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา

ทำไมผู้สูงอายุควรฉีดวัคซีน

ผู้สูงอายุจะมีภูมิคุ้มกันโรคน้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อหรือเป็นโรคต่างๆได้สูง การฉีดวัคซีนจึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้เพิ่มขึ้นได้ และสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปก็จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆมากขึ้น ดังนั้นก็ควรที่จะได้รับวัคซีนที่จำเป็นด้วย

วัคซีนที่ผู้สูงอายุควรฉีดมีดังนี้

วัคซีนปอดอักเสบ

ปอดอักเสบนั้นเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสบริเวณทางเดินหายใจส่วนล่าง สำหรับอาการที่พบคือ มีเสมหะ ไอ อ่อนเพลีย เวลาหายใจจะรู้สึกเหนื่อยหอบ อาเจียน คลื่นไส้ เจ็บแน่นบริเวณหน้าอก มีไข้สูง ซึ่งในแต่ละคนความรุนแรงของอาการก็จะแตกต่างกันออกไป สำหรับผู้สูงอายุนั้นหากเป็นปอดอักเสบก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะผู้สูงอายุจะมีภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนปอดอักเสบ ควรฉีดวัคซีนปอดอักเสบชนิด 13 สายพันธุ์ จำนวน 1 เข็ม และชนิด 23 สายพันธุ์ 1 เข็ม โดยแต่ละเข็มให้ฉีดห่างกัน 1 ปี

วัคซีนไข้หวัดใหญ่

คนในทุกช่วงวัยสามารถที่จะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการจะไม่รุนแรง และสามารถที่จะหายจากอาการได้เองภายใน 3-5 วัน แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยอาจจะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้สูง ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ อาการของโรคก็จะมีตั้งแต่น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดหัว หากมีโรคประจำตัว เช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ถุงลมโป่งพอง หอบหืด ยิ่งจะต้องระวังให้มาก เพราะความรุนแรงของโรคอาจมีมากขึ้นได้ ดังนั้นผู้สูงอายุจึงควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง

วัคซีนงูสวัด

โรคงูสวัดเกิดจากไวรัสชนิดเดียวกันกับที่ทำให้เป็นโรคอีสุกอีใส ซึ่งก็คือไวรัส Varicella โดยหลังจากที่หายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว ไวรัสก็ยังหลบอยู่ในร่างกาย พออายุเริ่มมากขึ้นร่างกายเริ่มอ่อนแอ ก็อาจทำให้เป็นโรคงูสวัดได้ จะมีตุ่มน้ำพุพองที่บริเวณของผิวหนัง มีอาการปวดแสบปวดร้อน ดังนั้นผู้ที่อายุ 60 ปี ขึ้นไป ควรฉีดวัคซีน 1 เข็ม เพื่อช่วยในการลดความรุนแรงของโรค

วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน

โรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน แต่ละโรคเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และจะมีอาการดังนี้

  • โรคคอตีบ มีปื้นสีขาวอมเทาภายในช่องคอ มีไข้สูง หายใจลำบาก บางรายอาการรุนแรง ก็มีการตีบตันที่ทางเดินหายใจ ทำให้การหายใจล้มเหลว จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • โรคบาดทะยัก จะส่งผลเสียต่อระบบประสาทอย่างรุนแรง และอาจทำให้เสียชีวิตลงได้
  • โรคไอกรน มีอาการไอติดต่อกันรุนแรง จนทำให้เหนื่อย และอาจรุนแรงถึงชีวิตได้

ดังนั้นผู้สูงอายุควรฉีดวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน จำนวน 1 เข็ม หลังจากนั้นทุกๆ 10 ปี ให้ฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ และบาดทะยัก

วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอและบี

  • ไวรัสตับอักเสบเอ ติดต่อจากการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัส อาจส่งผลทำให้เป็นโรคตับอักเสบรุนแรงและทำให้ตับวาย
  • ไวรัสตับอักเสบบี ติดต่อผ่านสารคัดหลั่งทางร่างกาย ผู้ติดเชื้ออาจไม่มีอาการ หรือเป็นตับอักเสบอย่างรุนแรง ตัวเหลือง ตาเหลือง สำหรับบางรายที่เคยติดเชื้อมาแล้วร่างกายจะสามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้เองและสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ถ้าไม่สามารถกำจัดเชื้อได้ ก็อาจทำให้เป็นตับแข็งและเป็นมะเร็งตับ

หากตรวจเลือดหาภูมิแล้วไม่มีภูมิ ก็ควรฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอและบี 3 เข็ม เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

การฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและลดความรุนแรงของโรค ผู้สุงอายุก็ควรที่จะไปฉีดวัคซีนต่างๆที่จำเป็นด้วย