บ้านระบบปิด หรือ Air Tightness System จะมีการออกแบบที่แตกต่างจากบ้านส่วนใหญ่ในประเทศไทย ที่การสร้างบ้านจะคำนึงถึงเรื่องอากาศที่ไหลเวียนถ่ายเทได้สะดวก จ้องมีการวางทิศทางประตูหน้าต่างที่เหมาะสมเพื่อรับลมเข้าออก ช่วยระบายความร้อน ทำให้ความชื้นภายในบ้านลดลง ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเย็นสบายมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่ปัญหามลพิษทางอากาศรุนแรงมากขึ้นทุกปีบางทีบ้านแบบเดิมอาจจะไม่ตอบโจทย์ก็เป็นได้ เพราะลมที่พัดมาจะมาพร้อมกับฝุ่นละออง และควันพิษต่าง ๆ มาด้วย ซึ่งก็ส่งผลเสียทั้งสุขภาพของคนในบ้าน ทำให้บ้านสกปรกเป็นที่สะสมของเชื้อโรค ถึงแม้จะแก้ไขได้ด้วยการติดเครื่องฟอกอากาศ แต่ก็ต้อง ติด 1 เครื่องต่อห้องหากบ้านมีหลายห้องก็ต้องติดตั้งเพิ่มขึ้นจึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง ไหนจะต้องมีค่าดูแลรักษาอีกด้วย ดังนั้นทางเลือกในการสร้างบ้านยุคใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ก็คือ บ้านแบบปิดนั่นเอง
บ้านระบบปิด ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร
แม้ว่าเครื่องกรองอากาศจะช่วยแก้ปัญหาได้ (ในระดับหนึ่ง) แต่ก็ช่วยไม่ได้ทั้งหมด เพราะการสร้างบ้านโดยปกติจะใช้วิธีก่ออิฐฉาบปูนที่มักจะเกิดรอยต่อในส่วนต่าง ๆ เช่นขอบประตู ขอบหน้าต่าง ถึงแม้จะปิดประตูหน้าต่างสนิทแต่ฝุ่นควันก็จะเล็ดลอดมาตามรอยต่อเหล่านี้ แต่หากเป็นระบบปิด ประตูหน้าต่างทุกบานจะถูกผลิตให้ไร้รอยต่อ มีการซีลขอบกันน้ำ กันฝุ่น กันแมลงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีระบบ Air Factory System ที่เป็นสิ่งที่ช่วยถ่ายเทอากาศเก่าในบ้านออกไป แล้วเติมอากาศใหม่เข้ามาซึ่งจะต้องผ่านตัวกรองอากาศ แล้วทำการปรับอุณหภูมิให้อากาศเย็นลงก่อนที่จะปล่อยเข้าสู่ตัวบ้านจึงทำให้รู้สึกเย็นสบายตลอดเวลา
บ้านระบบปิด ยังมีระบบที่จะนำอากาศเข้าบ้านก็มีอีกระบบหนึ่งก็คือ Ionizer System ที่นอกจากจะช่วยถ่ายเทอากาศ แล้วกรองอากาศให้บริสุทธิ์แล้วยังมีการปล่อยประจุบวก และลบในอากาศ ที่จะช่วยลด เชื้อรา ไวรัส สารต่าง ๆ ที่จะก่อให้เกิดภูมิแพ้ ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดี รวมไปถึงภายในบ้านที่มีอุณหภูมิความชื้นที่เหมาะสมอีกด้วย
จะเห็นได้ว่า บ้านระบบปิด สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีในเรื่องการป้องกันฝุ่นละอองควันพิษต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดีมากขึ้น และมีฟังก์ชันให้เลือกใช้ได้หลากหลาย อย่างเช่นหากวันไหนที่อากาศดีแจ่มใส ไร้ฝุ่นควัน ก็สามารถจะเปิดประตู หน้าต่างรับลมเย็นจากภายนอกได้เช่นเดียวกับบ้านทั่ว ๆ ไป